ไปเที่ยวภูเก็ตกัน...🍘ฤดูแห่งกาลท่องเที่ยวมาถึงแล้ว กับเดือนที่ได้ชื่อว่าร้อนที่สุดของปี พร้อมกับเป็นช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของประเทศไทยนั่นคือ เทศกาลสงกรานต์ ผมกับเพื่อน ไม่ค่อยเดินทางไปเที่ยวในช่วงนี้เท่าไหร่นักปีนี้เป็นปีแรก ที่พวกเราวางแผนทริปการเดินทางอย่างจริงจังผมกับเพื่อนเริ่มคิดกันล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง หลังจากที่พวกเราตกลงจะไปท่องเที่ยวกันก็นั่งปรึกษากันว่าปีนี้จะไปเที่ยวไหนสรุปแล้วเป็นอันว่าสถานที่ของ พวกเราที่ได้ตกลงกันนั้นก็คือภูเก็ตกลุ่มผมจึงได้ทำการเซิร์ชหาข้อมูลสถานที่ต่างๆเลือกที่จะไปเข้าพักปรากฏว่าได้สถานที่แห่งหนึ่งนั่นคือ secret cliff resort และก็ได้จองทันทีซึ่งขณะนั้นราคาค่าจองยังไม่สูงมากนักแล้วก็ยังไม่เต็มแต่ถ้าคุณจองใกล้ใกล้วันที่คุณจะเดินทางไปอาจจะ เต็มก็ได้
วันที่ 12 เมษายนผมกับพวกอีกสี่คนรวมกันเป็นห้าคนออกเดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าวีออส ออกสตาร์ทเวลาสี่ทุ่มจากบ้านโป่งจังหวัดราชบุรี ใช้เส้นทางเพชรเกษม3525 มุ่งต่อมาจนถึงจังหวัดราชบุรี
ตรงไปเรื่อยเรื่อยขึ้นถนนเพชรเกษมหมายเลข4 มุ่งตรงต่อมาจนถึงแยกบายพาสชะอำ-หัวหิน ถนนหมายเลขสาม 37 ผมใช้เส้นทางนี้เพราะไม่อยากเสียเวลารถติดอยู่ในหัวหิน จากนั้นกลับขึ้นถนนเพชรเกษมหมายเลข 4 ต่อ ขับต่อมาจนถึงแยกระนอง และมุ่งตรงต่อไปนี้ใช้ทางเพชรเกษมหมายเลข 41 วิ่งตรงยาวมาจนถึงแยกพุณพินเลี้ยวขวาวิ่งเข้าภูเก็ต ใช้ทางหลวงหมายเลข 401 ขับตรงต่อมาก็ถึงเวลาเช้าแล้ว ผมง่วงและเพลียก็จึงหลับไปปล่อยให้เพื่อนขับต่อ พอผมตื่นขึ้นมาก็ยังไม่ได้สังเกตอะไร จนดูวิวทิวทัศน์ สักพักใหญ่ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติเหมือนกับทางนี้ผมไม่เคยมามาก่อน แต่ยังไม่คิดอะไรจนไปเรื่อยเรื่อยผมเริ่มชักแปลกใจแล้วเว้นวรรคจึงหยิบ iPhone ขึ้นมาเซิร์ช Google Maps เท่านั้นแหละจึงได้รู้ว่ามาผิดทางที่ผมเคยมาเป็นประจำ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะทางที่จะไปภูเก็ตนั้นไปได้หลายทางรวมถึงเส้นทางนี้ด้วยซึ่งเส้นทางนี้ก็มีบิวทิวทัศน์และธรรมชาติสวยงาม หมอกคุมยอดทิวเขามีหน้าผา ที่ถูกปกปิดด้วยพืชพรรณไม้ป่าสีเขียวดูอุดมสมบูรณ์ตลอดทาง
ตอนนี้เรากำลังมาผิดเส้นทางที่เคยมาประจำ |
บรรยากาศที่นี่ก็สวยดี |
พอซื้อของเสร็จก็ขับรถต่อมาอีกไม่กี่ร้อยเมตรที่หาดราไวย์นั่นแหละ จะมีร้านอาหารอยู่ทั้ง2ฝั่ง มีหลายร้านให้เลือก พวกเราขี้เกียจเลือกเพราะด้วยความหิวโซและเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง บวกกับของทะเลที่สดใหม่ยั่วยวนจิตใจและความอยากลิ้มลองกุ้งมังกร จึงไม่เลือกมากเจอร้านที่มีที่จอดรถก็เลี้ยวเข้าจอดทันที
มีโต็ะอาหารมากมายจัดสรรเรียง กันอยู้พร้อมให้นักท่องเที่ยงใช้บริการ จากทางร้านอาหาร |
กุ้งมังกรเป็นเมนูที่พวกเราชื่นชอบมากที่สุด |
วันนี้วันที่2ของทริป ผมและพวกตื่นนอนกันแต่เช้า ทานอาหารของโรงแรมเสร็จ ออกสตาร์ทมุ่งหน้าสู่ จ.กระบี่ ออกจากภูเก็ต ใช้เส้นทางหมายเลข 4 ประมาณ200กม. เป้าหมายคืออ่าวนาง พวกเราใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเป้าหมายจอดรถเสร็จสรรพ ก็เดินออกหาเรือเพื่อจะข้ามไปเกาะ เรือมีสองแบบแบบแรกคือ เสียคนละ 100 บาทขาไปและขากลับอีก 100 บาท แต่ต้องรอให้คนเต็ม โดยโดยสารไปกับคนอื่นด้วยให้เต็มลำเรือ แต่ไปแค่ทีเดียวคือที่หาดไรเลย์ แบบที่สองคือแบบเช่าเหมาลำราคาช่วงเทศกาล 2,200 บาท แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลราคา 1,800 บาท แบบนี้จะพาไปสี่ที่ คือ1.เกาะอ่าวถ้ำพระนาง 2.เกาะปอดะ 3. เกาะไก่ 4. ทะเลแหวก
ชายหาดบริเวณท่าเรืออ่าวนาง |
ออกเรือเล็กมุ่งสู่ธรรมชาติทางท้องทะเล |
ที่เกาะอ่าวถ้ำพระนาง ผู้คนเยอะมากมีทั้งไทยและชาวต่างชาติ มีคนเล่นน้ำและบางส่วนก็เดินไปดูทำพระนางแต่ผมไม่ได้ไปเพราะมีคนเยอะมากที่เดินเข้าไปดูกันเต็มปากถ้ำ พวกเราเล่นน้ำกันไม่นานก็กลับขึ้นเรือต่อ
นั่งเรือต่อได้ไม่นานก็มาถึงเกาะปอดะ สถานที่แห่งนี้สวยงามมาก หาดทรายขาว บรรยากาศสงบกว่าเกาะอ่าวถ้ำพระนาง และด้วยธรรมชาติของเกาะ
ที่บรรจงสรรค์สร้างระหว่างต้นมะพร้าวกับทรายหาดช่างลงตัวกันเหลือเกิน เพื่อนผมก็จัดการใช้ snorkel
อ่านว่า "สนอร์เคล" หรือ "สนอร์เคิ้ล" หรือ "สนอกเกิ้ล" (แล้วแต่เรียกกันเอาๆที่ึงสบายใจ) แหวกว่ายดำดูท้องทะเล เห็นฝูงปลานกแก้วตัวใหญ่มากวายเป็นฝูง เพื่อนผมก็มาบอกผมในขณะที่ผมกำลังบรรจงหามุมกล้องถ่ายรูป วิวทิวทัศน์ต่างๆ ทันทีที่ได้ยินผมไม่รอช้ารีบไปกล้องถ่ายรูป สวม snorkel
อ่านว่า "สนอร์เคล" หรือ "สนอร์เคิ้ล" หรือ "สนอกเกิ้ล" (แล้วแต่เรียกกันเอาๆที่ึงสบายใจ) ขออีกรอบ หึ.หึ. ดำลงไปดู ก็เห็นแต่ปลาอย่างอื่น ยังไม่เห็นฝูงปลานกแก้ว ในใจผมคิดว่าฝูงปลานกแก้วมันคงอยู่ห่างจากฝั่งออกไปอีก ผมก็จึงดูท้องทะเลไปเรื่อยเรื่อยจนออกไปไกล แล้วก็ไกลออกไปเรื่อยๆ ผมคิดในใจ"กูก็ดำดูมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นเจอเลย เพื่อนกูเห็นกันทุกคนแล้ว" ผมก็ไม่ละความพยายามก็ยังคงดำดูต่อไปเรื่อยเรื่อยก็เห็นแต่สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลชนิดอื่นที่ไม่ใช่ฝูงปลานกแก้ว จนท้ายที่สุดผมขี้เกียจดำต่อแล้วไม่เจอก็ไม่เจอ ก็เลยดำกลับขึ้นฝั่ง ในขณะที่อยู่กลางทางระหว่างกำลังจะกลับขึ้นฝั่ง สายตาผมบังเอิญไปพงักจ้องอยู่กับฝูงปลากลุ่มใหญ่ ที่บางตัวมีสีสันสวยสุดงดงามราวกับอยู่ในสวนนกแฟนตาซี แต่บางตัวก็สีสันไม่สวย (อาจเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ผมเดาเอานะ) ถูกต้องแล้วครับผมพบเจอกับฝูงปลานกแก้วตัวใหญ่ใหญ่ที่ผมเฝ้ารอตามดูมานาน (ชีวิตหนอชีวิตเวลาเจ้าตั้งใจหา ตั้งใจส่องแทบตายแต่กลับไม่เจอ แต่ มาเจอเอาตอนที่ไม่ได้จะดูไม่ได้จะหาอีกแล้ว) มันทำให้ผมเถิดเถิดไปอีกนานผมกตันอยู่คนเดียวอย่างนั้นจนเพื่อนขึ้นไปหมดแล้วผมก็ยังแหวกไหว้ส่งหาดูสิ่งต่างๆใต้ท้องทะเลอีก ไม่นานนักผมก็ขึ้นฝั่งนั่งเรือไปต่อที่เกาะไก่
เรือมาถึงที่นี่แต่แปลกกว่าที่อื่นคือไม่ได้จอดเข้าฝั่งแต่จอดอยู่กลางน้ำลึกประมาณ 2 เมตรเศษๆ น้ำใส่มากมองเห็นถึงก้นทะเล และรู้สึกงงงวย พร้อมกับอึ้งไปพักหนึ่งด้วยความสวยของท้องทะเลไทย ทันทีที่เรือหยุดนิ่งเพื่อนผมบรรจงสวม snorkel อย่างฉับพลันเพราะทนความตื่นตาตื่นใจของโลกใต้ท้องทะเลไม่ได้ ลงจากเรือเพื่อสำรวจดำดูแนวปะการัง พร้อมกับสัตว์สิ่งมีชีวิตที่น่ารักและสวยงามต่างๆมากมาย ผมขอได้แต่ยืนถ่ายรูปนั่งถ่ายรูปและอัดวิดีโออยู่บนเรือนั่นเอง
ไม่นานก็ตาผมบ้างผมก็ลงจากเรือ ไม่นานก็ถูกต้อนรับด้วยฝูงปลาเสือ ทั้งน่ารักสวยงามและเชื่อง มากๆ บังเอิญว่ามีข้าวอยู่บนเรือที่เหลือจากการรับประทานอาหารกลางวันพอดี คนขับเรือได้บอกว่า "พี่เอาอาหารให้มันสิ" แล้วคนขับเรือก็สาธิตนำข้าวสุขโยนให้มันทีละน้อย ฝูงปลาเสือก็วายเข้ามากินกันชุลมุนไปหมดเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก ผมกับเพื่อนป้อนอาหารให้ฝูงปลาเสือโดยใช้มือเปล่าห่อหุ้มข้าวสวยให้มันค่อยค่อยเข้ามากินอย่าเอร็ดอร่อย
ผมดำน้ำดูแนวปะการังดูปลาดูหอยและสิ่งมีชีวิตต่างๆ มันสร้างความประทับใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตผมและของเพื่อนผมด้วย พวกเราทั้งห้าคนรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับธรรมชาติ ใต้ทะเลไทยจนดูเหมือนว่าเวลาได้ผ่านไปเร็วเหลือเกินเหมือนได้อยู่กับสิ่งตรงนี้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วเราอยู่ที่ตรงนี้เกือบชั่วโมง เมื่อได้เวลาสี่โมงกว่า พวกเราก็ออกเรือไปต่อ
เรือออกเล่นอีกไม่ไกลก็จอดเข้าฝั่งที่เป็นลายล้อมไปด้วยเรือของนักท่องเที่ยวแบบเช่นเดียวกับ พวกเรา ผู้คนเยอะมากมีทั้งไทยและเทศ สถานที่แห่งนี้คือทะเลแหวกนั่นเอง ผมเคยแต่ได้ยินว่าทะเลแหวก ทะเลแหวก พวกเราไม่เคยมาที่นี่กันมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทะเลแหวกจริงๆแล้วมันก็คือทะเลที่อยู่ระหว่างเกาะหนึ่งกับอีกเกาะหนึ่ง ซึ่งในเวลาปกติ มันก็เป็นเกาะเป็นทะเลนี่เองเหมือนทั่วๆไป แต่เมื่อน้ำลดลงในเวลาตอนเย็นประมาณ 4โมงครึ่งเป็นต้นไป จะมี
ทางเดินระหว่างเกาะหนึ่งไปอีกเกาะหนึ่งโผล่ขึ้นมา ให้เราเดินข้ามระหว่างเกาะได้
มาถึงทะเลแหวกเป็นเกาะ3เกาะคั่นด้วยทะเล |
ตรงนี้เราเดินมาตรงทะเลแหวกแล้ว |
เสร็จแล้วก็เดินทางกลับกันด้วยเรือที่เราเดินทางมากันแล้วครึ่งวัน ขากลับมาถึงฝั่งพวกเราก็หยุดนิ่งสักพักหนึ่งเพราะ เห็นการจราจรติดขัด ผู้คนเนืองแน่นที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าลายดอก นั่นก็คือชุดสงกรานต์นั่นเอง ถูกแล้วครับ ผู้คนเล่นสงกรานต์กันอย่างสนุกสนานรื่นเริง มีทั้งคนไทยและต่างชาติ นี่ถ้าผมไม่เหน็ดเหนื่อยจากการทำกิจกรรมต่างๆแล้วล่ะก็ พวกเราก็คงไม่พลาดที่จะเข้าไปเล่นสงกรานต์กันแน่ แต่ตอนนี้เหนื่อยแล้วเล่นไม่ไหว ขอกลับดีกว่า แต่กว่าจะออกจากอ่าวนางได้ล่อไปเกือบชั่วโมงเพราะรถติดมาก ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมงก็ถึงห้อง กินข้าวเสร็จแล้วก็ซัดเบียร์ต่อ จากนั้นก็หลับยาว
วันสุดท้าย
พวกเราตื่นมาตอนสายๆกินอาหารเช้าของโรงแรม เสร็จแล้วก็มานั่งจิบเบียร์ต่อจนถึงบ่าย ได้เวลาขับรถเล่นรอบเกาะ ผมกับเพื่อนๆ ก็ตะลุยไปเรื่อยๆด้วยรถคันเก่งคันเดิม ไปในสถานที่ๆเราไม่เคยไป มีหนทางๆไหนเราก็ไปทางนั้นหลงบ้าง เจอทางตันบ้าง ก็สนุกดี จนได้เวลาเย็นก็ไปที่ๆคนทั่วไปชอบไปกันเวลายามเย็น นั่นคือ แหลมพรมเทพ
ตอนเย็นพระอาทิตย์เริ่มตก และท้องก็ร้องแล้ว อ็อด...อ็อด...อ็อด... เสียงท้องมันร้องออกมา ขับรถออกมาจากแหลมพรมเทพ ไปตามเส้นทางถนนที่คดเคี้ยว เพื่่อจะเสาะแสวงหาอาหารเย็นรัปประทาน ความคิดของพวกเรายังติดใจรสชาติของอาหารทะเล จึงมุ่งตรงไปยังหาดราไวไปซื้อของทะเลมากินอีก คราวนี้เราก็เลือกเมนูที่คล้ายๆกับเมื่อวานแต่ต่างกันเล็กน้อย และมื้อนี้ก็ไม่มีกุ้งมังกร (ใจจริงก็อยากกินนะ)
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วันเดินทางกลับ
ว่ันนี้เป็นวันที่พวกเราต้องเดินทางกลับ ใจจริงก็ยังไม่อยากกลับหรอก อยากอยู่ต่อมันสักอาทิตย์ไปเลย แต่จะทำไงได้ล่ะในเมื่อเกิดมาจน ไม่มีเงินถุงเงินถัง งานก็ต้องทำ บ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ จึงต้องยอมรับสภาพ พวกเราจึงอำลารีสอร์ทอันแสนหวานที่จะเก็บไว้เป็นความทรงจำตลอดไป
มุ่งออกจากป่าตอง เพื่อนๆในรถก็บอกว่ามาภูเก็ตต้องมากินติ่มซำที่ตัวเมือง ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อที่นี่ แต่ผมไม่เคยกินติ่มซำมาก่อน ผมก็ไม่รู้ว่ามันมีหน้าตาเป็นยังไงและรสชาติเป็นยังไง จึงมุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอเมืองไปร้านติ่มซำที่เพื่อนในรถบอก เมื่อไปถึงร้านติ่มซำที่ขึ้นชื่อของภูเก็ตซึ่งผมก็จำชื่อร้านไม่ได้ พวกเราก็ตกตะลึงกับผู้คนที่มายืนรอซื้อติ่มซำและที่โต็ะนั้งภายในร้านนั้นคนแออัดยัดเยียดมาก ผมก็พูดออกมาว่า"ถ้ามึงรอแดกที่นี่ 1ชั่วโมงก็ยังไม่ได้แดกแน่" อันนี้ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ คนโคตรรรรเยอะะะะะมากๆๆๆๆๆๆๆ จริงๆครับ ผมจึงขับไปร้านอื่นต่อ และก็มาถึงร้าน จ่วนเฮี้ยง
ครับ ร้านนี้คนก็เยอะครับแต่ไม่เท่าร้านแรกที่ผมจอด นี่ถือเป็นการกินติ่มซำครั้งแรกของผมครับ และต่อด้วยกระเพาะปลา และต่อด้วยอย่างอื่นอีกครับ
หลังจากกินอิ่มแล้วก็เดินทางกลับ แวะซื้อของฝากที่สุราษครับ แล้วก็ยิงยาวเลยครับ แต่มันไม่ยาวนี่สิครับ เพราะรถโคตรติดเลย รถเยอะมาก ติดเป็นช่างๆครับ ขากลับใช้เวลาเดินทาง16ชั่วโมงครับ
...และแล้วก็ถึงบ้านตอนตี1 เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทาง ผมนี่ถึงบ้านปุบก็เข้านอนปับน้ำเนิ้มไม่อาบหรอก เพราะเห็นเขาว่า คนสะอาดไม่ต้องอาบน้ำ เพราะสะอาดอยู่แล้วจะอาบทำไม คนสกปรกนี่สิต้องอาบบ่อย เพราะแปปเดี๋ยวก็สกปรกแล้วต้องคอยอาบบ่อยๆ...
เอาเป็นว่าทริปนี้คุ้มสุดคุ้มครับ ไปเที่ยวแบบหรูๆ แต่ใช้งบไม่เยอะครับ เพียงแต่เราต้องรู้จักเลือก และต้องไตร่ตรอง
และรอบครอบสักหน่อย เพื่อนๆที่มีโอกาสก็อย่าปล่อยให้หลุดลอยไปนะครับ อย่ามัวแต่ทำงานจนลืมพักผ่อนนะครับ เพราะชีวิตบางทีก็ไม่มีแต่เรื่องเงินอย่างเดียว ช่วงไหนหยุดยาวๆก็ชวนเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักออกเดินทางไปท่องเที่ยวกันครับ แต่หากจะไปแบบผมนี่ก็ทักมาถามผมได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น