อาการเบรคติดนั้นก็เป็นปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งของรถๆจะออกอาการอั้นๆ เร่งเครื่องแล้วไม่ได้ความเร็วตามปกติ รถเหมือนมีภาระโหลด มีอาการเบรคตลอดเวลา
ทำไมเบรคถึงติด?
เมื่อเราเหยียบเบรคจะเกิดแรงดันมหาศาลของน้ำมันเบรคส่งตามท่อทางเดินน้ำมันเบรคไปที่คาลิปเปอร์เบรค รวมตัวกันอยู่ที่หัวลูกสูบ แรงดันของน้ำมันเบรคจำนวนมหาศาลผลักดันให้ลูกสูบเบรคเคลื่อนตัวออกดันผ้าเบรคให้ไปสัมผัสกับผิวหน้าจานเบรคและเกิดแรงผลักดันตัวเองทำให้ก้ามปูเบรคสไลด์ตัวออกเพื่อบีบผ้าเบรคอีกฝั่งหนึ่งให้เคลื่อนที่สัมผัสกับจานเบรคเกิดเป็นการห้ามล้อขึ้น. เมื่อปล่อยเบรคแรงดันน้ำมันเบรคก็จะลดลงน้ำมันเบรคก็จะไหลกลับ ลูกลูบเบรคก็จะเคลื่อนตัวกลับตามน้ำมันเบรค แต่ถ้าหากว่าลูกสูบไม่ถอยกลับหรือสลักตายไม่เคลื่อนตัวออก(การบุชชิ่งตาย)ก็จะทำให้เกิดแรงบีบค้างอยู่ที่ผ้าเบรคนี่แหละที่เรียกว่าเบรคติด
สาเหตุ
- ยางกันฝุ่นชำรุด เปื่อย ฉีกขาด ทำให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆเข้าไปภายในลูกสูบ
- เกิดสนิมที่ลูกสูบและกระบอกสูบทำให้การเคลื่อนตัวติดขัด
- โอริงน้ำมันบวม ทำให้เกิดการอัดตัวแน่นของลูกสูบกับโอริง
- สลักตาย ทำให้การสไลด์ตัวของบุชชิ่งติดขัด
- น้ำมันเบรคเสื่อมคุณภาพเพราะไม่ถ่ายตามกำหนดเวลา
การแก้ไข
ถอดชิ้นส่วนคาลิปเปอร์ออกจากล้อแล้วถอดยางกันฝุ่น ลูกสูบ โอริงน้ำมัน สลักลูกสูบ
ล้างทำความสะอาดลูกสูบ ผิวกระบอกสูบ ถ้าเกิดสนิมขึ้นต้องใช้กระดาษทรายเบอร์320ขึ้นไป(ห้ามใช้ต่ำกว่านี้)ขัดเอาสนิมที่ผิวกระบอกสูบ ร่องโอริงน้ำมัน ลูกสูบ ออกให้หมด หลังจากนั้นทำความสะอาดสลักลูกสูบให้สะอาดถ้ามีคราบจารบีเหนียวติดแน่นให้ใช้น้ำมันเบนซินล้างก่อนแล้วจึงล้างทำความสะอาดด้วยผงซักฟอกอีกที กรณีที่เกิดสนิมขึ้นต้องขัดออกก่อนตามวิธีข้างต้น. หลังจากนั้นเปลี่ยนชุดโอริงต้องเป็นของแท้เท่านั้น แล้วประกอบเข้าไปเหมือนเดิมใช้น้ำยาทาลูกยางช่วยหล่อลื่นด้วย (ห้ามใช้จารบีเด็ดขาด) เติมน้ำมันเบรคแล้วไล่ลมออกให้หมด
ล้างทำความสะอาดลูกสูบ ผิวกระบอกสูบ ถ้าเกิดสนิมขึ้นต้องใช้กระดาษทรายเบอร์320ขึ้นไป(ห้ามใช้ต่ำกว่านี้)ขัดเอาสนิมที่ผิวกระบอกสูบ ร่องโอริงน้ำมัน ลูกสูบ ออกให้หมด หลังจากนั้นทำความสะอาดสลักลูกสูบให้สะอาดถ้ามีคราบจารบีเหนียวติดแน่นให้ใช้น้ำมันเบนซินล้างก่อนแล้วจึงล้างทำความสะอาดด้วยผงซักฟอกอีกที กรณีที่เกิดสนิมขึ้นต้องขัดออกก่อนตามวิธีข้างต้น. หลังจากนั้นเปลี่ยนชุดโอริงต้องเป็นของแท้เท่านั้น แล้วประกอบเข้าไปเหมือนเดิมใช้น้ำยาทาลูกยางช่วยหล่อลื่นด้วย (ห้ามใช้จารบีเด็ดขาด) เติมน้ำมันเบรคแล้วไล่ลมออกให้หมด
แนวทางป้องกัน
อันที่จริงแล้วเท่าที่ผมเคยสังเกตุและสำรวจมาปรากฏว่าน้อยคนนักที่จะเห็นความสำคัญของน้ำมันเบรค คือแบบว่าใช้ไปเรื่อยๆไม่ถ่าย"เพราะมันยังไม่เสีย" ,"ไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนนี่ ของเก่ายังใช้ได้อยู่", "รอให้เสียก่อนค่อยซ่อมแล้วเปลี่ยนทีเดียว" และคำพูดอื่นๆอีกนานัปการ แต่บางคนก็ไม่รู้จริงๆนะครับก็แล้วไป มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าว่าน้ำมันเบรคควรเปลี่ยนตามระยะเวลากำหนดการของค่ายรถที่ระบุไว้ในคู่มือ ใครที่ไม่รู้ว่าคู่มือรถตัวเองอยู่ไหนรีบไปหามาไว้ในเกะซะ ถ้าหายจริงๆก็เอาอย่างนี้แล้วกันถ้ารถขับธรรมดาไม่ได้ขับโหดนักก็ทุกๆ100,000km หรือ1ปี ดูว่าอย่างไหนถึงก่อน ถ้ารถใช้งานหนัก-หนักมาก รถขึ้นลงเขาก็ทุกๆ40,000km หรือ6เดือน ดูว่าอย่างไหนถึงก่อน ถ้ารถที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมต้องถ่ายน้ำมันเบรคทันทีหลังจากพ้นวิกฤติน้ำท่วมไป